วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

PART 3 : ร้านอาหาร (Restaurant)

PART 3 : ร้านอาหาร

ในการเดินทางไปต่างประเทศนั้นเราย่อมต้องรับประทานอาหารเป็นธรรมดา หลายๆคนอาจจะคิดว่าการสั่งอาหารในร้านอาหารต่างประเทศเป็นเรื่องยาก ซึ่งหากเข้าไปในร้านอาหารแล้วสั่งอาหารไม่ได้หรือสั่งแล้วได้มาไม่ตรงกับที่ต้องการก็คงไม่เป็นที่น่าพอใจใช่ไหมคะ แต่ที่จริงแล้วการสั่งอาหารนั้นง่ายมากเลยค่ะ เพียงแค่รู้คำศัพท์นิดๆหน่อยๆเราก็สามารถสั่งอาหารได้อย่างรวดเร็วและได้รับอาหารตามที่ต้องการแน่นอนค่ะ

การจองโต๊ะอาหารสนทนาภาษาอังกฤษ สามารถใช้ประโยคดังต่อไปนี้
I’d like to make a reservation. ฉันต้องการจองโต๊ะ
I’d like to book a table, please. ฉันต้องการจองโต๊ะล่วงหน้า
Do you have any tables available? มีโต๊ะว่างไหมครับ
A table for…please. ขอโต๊ะสำหรับ…คนค่ะ

ในการสั่งอาหาร พนักงานมักจะถามว่า
What would you like, sir? Do you want a menu?  คุณจะทานอะไรดีครับ ต้องการรายการอาหารไหมครับ
Would you like to order now? คุณจะสั่งอาหารตอนนี้เลยไหม
I’ll be back for your order in a moment, sir. อีกสักครู่ฉันจะมารับออร์เดอร์นะคะ
What would you like for a starter? คุณอยากเริ่มด้วยอาหารอะไรดีครับ
What would you like to drink? รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ
Would you like anything else? คุณต้องการอย่างอื่นเพิ่มไหม
Do you want any desserts or fruit? คุณอยากได้ขนมหวานหรือผลไม้ไหม

ส่วนสั่งอาหารก็สามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ได้
I would like to have..... ฉันอยากทาน......
I like… ฉันชอบ....
I am (not) familiar with…food. ฉัน (ไม่) คุ้นเคยกับอาหาร…
Can I have…? ฉันอยากได้....


ถ้าหากเราอยากรู้ว่ามีโปรโมชั่นหรือรายการอาหารพิเศษไหม สามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ได้
Do you have any specials? มีรายการพิเศษอะไรบ้างครับ
Would you recommend something? คุณช่วยแนะนำหน่อยสิ
What do you recommend? คุณจะแนะนำอะไรไหมคะ
Do you have any promotions? มีโปรโมชั่น/สิทธิพิเศษอะไรไหมคะ

หากมีปัญหาและต้องการขอความช่วยเหลือหรือต้องการทราบเกี่ยวกับการรับประทานอาหารในครั้งนี้ สามารถนำประโยคต่อไปนี้ไปใช้ได้
Excuse me. Can you please clean up the table? ขอโทษครับ ช่วยเช็คโต๊ะให้หน่อยได้ไหมครับ
Excuse me. Can I have a napkin please? ขอโทษครับ ขอกระดาษเช็คปากหน่อยได้ไหม
I’ve not got the food yet. ยังไม่ได้อาหารเลยครับ
I have not got the food that I ordered yet. อาหารที่ฉันสั่งไปยังไม่ได้เลยค่ะ
This is not what I ordered.นี่ไม่ใช่ที่ฉันสั่งไปนี่

ในการคิดเงิน สามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ได้
Bill please. เก็บเงินด้วยครับ
Pay separately. จ่ายแยกกัน
Do you accept credit cards? รับบัครเครดิตไหม
take the change. ไม่ต้องทอน

เห็นไหมคะว่าการสั่งอาหาร การจองโต๊ะ หรือว่าการขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาในร้านอาหารนั้นไม่ได้อย่างอย่างที่ติดเลยใช่ไหมคะ แค่รู้ประดยคและคำศัพท์นิดๆหน่อยๆก็สามารถนำไปใช้ได้แล้ว หวังว่าทุกๆคนคงจะได้ควารู้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันกันนะคะ


อ้างอิง engenjoy.blogspot.com/2014/03/restaurant.html













)

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

PART 2 : บอกอาการป่วย(Sickness)

PART 2 : บอกอาการป่วย(Sickness)

      ในการเดินทางไปต่างประเทศนั้น ทุกๆคนย่อมจะเตรียมตัวกันก่อนล่วงหน้าอยู่แล้วใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เอกสารเดินทางต่างๆ แผนที่ท่องเที่ยวและอีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เตรียมกันไปไม่ได้เลยคือสุขภาพ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้วเราจะสุขภาพแข็งแรงดีไหม เราจะป่วยหรือเปล่า ซึ่งถ้าเราป่วยขึ้นมาจริงๆก็คงจะลำบากน่าดู หากป่วยเล็กๆน้อยๆ ยาสามัญประจำบ้านที่พกไปก็น่าจะพอบรรเทาอาการได้อยู่บ้าง แต่ถ้าหากป่วยแบบจริงๆจังๆจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลขึ้นมาล่ะก็เรื่องใหญเลยค่ะ สิ่งสำคัญเลยคือหากเราอธิบายอาการป่วยของเราไม่ถูก อาการป่วยก็จะยิ่งแย่ลงค่ะ
       เพราะฉนั้นเรามาเรียนรู้คำศัพท์และประโยคง่ายๆที่ใช้บอกอาการป่วยของเรากันดีกว่า เชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถของ้เราแน่นอนค่ะ 


คำถามที่คุณหมอมักจะถามก็หนีไม่พ้นถามอาการค่ะ

What's the matter? = เป็นอะไร/เกิดอะไรขึ้น
How are you feeling? = คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
Are you feeling alright? = คุณโอเคไหม
How have you been feeling generally? = คุณรู้สึกแบบนี้เป็นประจำไหม
What are your symptoms? = อาการของคุณเป็นอย่างไร

ส่วนสิ่งที่เราจะตอบนั้นก็ตามอาการเราเลยค่ะ

I feel ill/sick. = ฉันรู้สึกป่วย
I feel very bad. = ฉันรู้สึกแย่
I feel faint = ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
My head is giddy. = ฉันรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
I have got a headache. = ฉันปวดหัว
I have got a stomachache. = ฉันปวดท้อง
I have got a cough. = ฉันไอ
I have got a cold. = ฉันเป็นหวัด
I have got a fever. = ฉันเป็นไข้
I have got diarrhea. = ฉันท้องร่วง

หากได้รับยาที่ห้องจ่ายยา เภสัชกร อาจถามคนไข้ ด้วยประโยคที่ว่า…
Do you have any allergies? คุณแพ้อะไรบ้างไหม


ประโยคต่อไปนี้เป็นประโยคสนทนาเกี่ยวกับการตรวจการรักษาอาการของคนไข้ อาจไม่ใช่ประโยคที่เป็นมาตรฐานที่ใช้สนทนากัน ซึ่งแล้วแต่แพทย์จะถามหรือสนทนากับคนไข้
I’m going to take your temperature/pulse. ฉันกำลังจะวัดอุณหภูมิร่างกาย/วัดชีพจร คุณนะ
Does it hurt when I press here? กดตรงนี้เจ็บไหม
Your blood pressure is.... ควมดันโลหิตของคุณ....
Your temperature is…อุณหภูมิของคุณ…
Open your mouth, please กรุณาอ้าปาก
I want to send you for an X-ray. ผมอยากส่งคุณไปเข้ารับการเอ็กซเรย์
You need to be hospitalized. คุณต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
I want you to see a specialist. ฉันอยากให้คุณไปพบผู้เชี่ยวชาญ

เห็นไหมคะว่าการบอกอาการป่วยของเรานั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย อาจจะมีบางประโยคหรือบางคำที่ค่อนข้างยาก แต่ประโยคเหล่านั้นสามารถใช้ได้จริงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เชื่อว่าถ้าฝึกบ่อยๆก็จะสามารถบอกอาการคุณหมอได้อย่างถูกต้องแน่นอนค่ะ







อ้างอิง : http://engenjoy.blogspot.com/2014/04/sickness.html










PART 1 : บอกเส้นทาง(Direction)

PART 1 : บอกเส้นทาง     

       ในชีวิตประจำวันของเรานั้น เราย่อมเจอชาวต่างชาติอยู่เสมอ ซึ่งชาวต่างชาติที่ว่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทั้งสิ้น และปัญหาที่พบบ่อยมากที่สุดปัญหาหนึ่งเลยก็คือ การที่ชาวต่างชาติไม่ทราบเส้นทางและมาขอความช่วยเหลือจากคนไทย ซึ่งก็มีคนไทยส่วนน้อยมากที่จะสามารถอธิบายเส้นทางหรือทิศทางได้อย่างถูกต้องชัดเจนแม่นยำ เพราะฉนั้นวันนี้เรามาเรียนรู้คำศัพท์และประโยคพื้นฐานง่ายๆที่สามารถใช้ในการอธิบายเส้นทางและทิศทางกันดีกว่า รับรองว่า หลังจากนี้เราจะสามารถบอกเส้นทางและทิศทางแก่ชาวต่างชาติได้อย่างมั่นใจและไม่สับสนแน่นอนค่ะ!

Map = แผนที่
Go straight = ตรงไป
on the left = ทางซ้าย
on the right = ทางขวา
Turn left = เลี้ยวซ้าย
Turn right = เลี้ยวขวา
Cross the road = ข้ามถนน
Corner = หัวมุม
Lane = ตรอก/ซอย
Cross walk = ทางม้าลาย
Bus stop = ป้ายรถเมล์
Bridge = สะพาน
Subway/underground = รถไฟฟ้าใต้ดิน
Junction = สามแยก
Intersection/Crossroads = สี่แยก

เราลองมาดูประโยคตัวอย่างกันดีกว่า

1. - Excuse me. Could you tell me where is the police station?
       ขอโทษครับ/ค่ะ กรุณาบอกทางไปสถานีตำรวจหน่อยได้ไหมครับ/คะ

    - Excuse me. Could you tell me where is the nearest Bank?
       ขอโทษครับ/ค่ะ กรุณาบอกเส้นทางไปธนาคารที่ไกล้ที่สุดหน่อยได้ไหมครับ/คะ

หากเจอชาวต่างชาติถามแบบนี้ก็ให้เราคิดก่อนค่ะว่าสถานที่ที่เขาต้องการจะไปนั้นอยู่ตรงไหน อาจจะอยู่ตรงสุดหัวมุม หรือต้องข้ามถนนไป ก็ให้เราตอบตามนั้นค่ะ ตัวอย่างเช่น

      - The police station is at the corner
           สถานีตำรวจอยู่ตรงหัวมุมครับ/ค่ะ

2.  -Excuse me . Could you tell me. The way to Siam Paragon, please 
       ขอโทษครับ/ค่ะ กรุณาบอกทางไปสยามพารากอนหน่อยได้ไหม ครับ/ค่ะ
     -Excuse me. Could you tell me. How to get to the Siam Paragon, please ? 
       ขอโทษครับ/ค่ะ กรุณาบอกฉันหน่อยได้ไหม ไปสยามพารากอนอย่างไร

หากเจอชาวต่างชาติถามแบบนี้ก็ให้เราดูก่อนเลยค่ะว่าตนเองกำลังอยู่ตรงไหน แล้วจะมีเส้นทางไหนบ้างที่สามารถไปสยามพารากอนได้ เช่น นั่งรถไฟฟ้าMRT หรือ BTS หรืออาจจะต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าก่อนก็ว่ากันไปค่ะ ส่วนประโยคที่จะใช้ตอบก็มีหลายรูปแบบค่ะ ยกตัวอย่างเช่น 

      - You can go to Siam Paragon by BTS.
           คุณสามารถไปสยามพารากอนด้วยรถไฟฟ้า BTS ได้.
      -You can take a taxi. It will take you there in 20 minutes.
           คุณสามารถขึ้นรถแท็กซี่ไปได้ ประมาณ 20 นาที ก็จะถึงจุดหมาย. 

แต่ถ้าหากในตอนนั้นเราไม่ทราบเส้นทางจริงๆก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่บอกเขาไปว่าเราไม่ทราบเส้นทางจริงๆแต่จะพยายามช่วยค่ะ

       -I don’t know the way. But I’ll try to help you.
            ไม่ทราบทางจริงๆครับ/ค่ะ แต่จะลองช่วยดูครับ/ค่ะ 

      เห็นไหมคะ การจะบอกเส้นทางและทิศทางเป็นภาษาอังกฤษนั้นไม่ได้ยากเลยค่ะ เพียงแค่รู้คำศัพท์และเรียนรู้ประโยคตัวอย่างเล็กๆน้อยๆแค่นี้เราก็สามารถอธิบายเส้นทางให้ชาวต่างชาติเข้าใจได้อย่างง่ายดายเลยล่ะคะ ก็หวังว่าเพื่อนๆทุกๆคนจะได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ





ขอขอบคุณ : www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000123583